การเดิมพันฟุตบอลมีหลายรูปแบบที่ได้รับความนิยมและมีข้อดีต่างกันไปตามวิธีการวางเดิมพันและระบบการเล่น เรามาดูกันว่าแต่ละแบบมีอะไรบ้าง:แทงบอล
1. การเดิมพันแบบแฮนดิแคป (Handicap Betting)
- ข้อดี: ช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะโดยการเพิ่มหรือลดประตูให้กับทีมที่เป็นรองหรือทีมที่เก่งกว่า ทำให้เกมมีความยุติธรรมมากขึ้น
- รูปแบบ: มีทั้งแฮนดิแคปแบบเต็มเวลา (Full Time) และครึ่งเวลา (Half Time) โดยผู้เล่นสามารถเดิมพันได้ตามจำนวนแฮนดิแคปที่กำหนด เช่น -0.5, -1.0, +1.5 เป็นต้น
2. การเดิมพันแบบสูง/ต่ำ (Over/Under)
- ข้อดี: ง่ายต่อการเล่น เน้นการทายผลรวมของประตูในเกมมากกว่าผลแพ้ชนะ
- รูปแบบ: ผู้เล่นเดิมพันว่าจำนวนประตูรวมของทั้งสองทีมจะมากกว่า (Over) หรือ น้อยกว่า (Under) ค่าที่กำหนด เช่น 2.5 ประตู
3. การเดิมพันแบบ 1×2
- ข้อดี: เป็นการเดิมพันที่ตรงไปตรงมา เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- รูปแบบ: ผู้เล่นเลือกเดิมพันว่าเจ้าบ้านชนะ (1), เสมอ (x), หรือทีมเยือนชนะ (2) โดยไม่ต้องคำนึงถึงแต้มต่อ
4. การเดิมพันแบบคู่/คี่ (Odd/Even)
- ข้อดี: มีความเรียบง่าย ทายผลรวมประตูว่าจะเป็นเลขคู่หรือคี่
- รูปแบบ: ผู้เล่นเพียงแค่เลือกเดิมพันว่าผลรวมของประตูทั้งหมดจะออกเป็นจำนวนคู่หรือจำนวนคี่
5. การเดิมพันแบบเตะมุม (Corner Betting)
- ข้อดี: เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในเกมฟุตบอลเชิงลึก เน้นสถิติการเตะมุมของทั้งสองทีม
- รูปแบบ: ทายจำนวนลูกเตะมุมทั้งหมดว่าจะมากกว่า หรือน้อยกว่า หรือเลือกทีมที่ได้เตะมุมมากที่สุด
6. การเดิมพันแบบทายผลสกอร์ (Correct Score)
- ข้อดี: ได้ผลตอบแทนสูงหากทายถูก เพราะมีความยากในการทายผลสกอร์ที่แม่นยำ
- รูปแบบ: ทายผลสกอร์ของเกมในรูปแบบที่แม่นยำ เช่น ทายว่าทีมไหนจะชนะและสกอร์จะเป็นเท่าไหร่
7. การเดิมพันแบบสด (Live Betting)
- ข้อดี: เพิ่มความตื่นเต้นในการเล่นเพราะสามารถเดิมพันระหว่างเกมการแข่งขันได้
- รูปแบบ: เดิมพันผลของเกมที่กำลังเล่นอยู่ เช่น ทายผลประตูถัดไปหรือผู้เล่นที่ทำประตู
รูปแบบต่างๆ เหล่านี้สามารถเลือกใช้ตามความถนัดและแนวการวิเคราะห์ของแต่ละคน ทั้งนี้ควรพิจารณาจากข้อมูลทีมและการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะเดิมพันครับ